ผมจะนำ grammar พื้นฐานเบื้องต้น มานำเสนอท่านสลับกับคำศัพท์ วันนี้เสนอการใช้ Adverb ( คำกริยาวิเศษ )
grammar ข้อที่ 1 การใช้ Adverb กับ Longer than
The duration of a fleeting moment in our perception often feels _______ a single second.
- (A) rarely longer than
- (B) longer rarely than
- (C) than rarely longer
- (D) longer than rarely
เฉลย:
คำตอบที่ถูกต้องคือ (A) rarely longer than
เหตุผล
ประโยคนี้ต้องการส่วนเติมเต็มเพื่ออธิบายความรู้สึกเกี่ยวกับระยะเวลาของ "ช่วงเวลาที่ fleeting" (ช่วงเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว) โดยเน้นว่ามักจะรู้สึกสั้นกว่าเมื่อเทียบกับหนึ่งวินาที
คำหลักที่เราต้องพิจารณาคือ rarely ซึ่งเป็นคำวิเศษณ์ (adverb) ที่มีความหมายว่า "นาน ๆ ครั้ง", "แทบจะไม่" เมื่อใช้กับเรื่องของเวลา จะสื่อถึงความไม่บ่อย หรือโอกาสที่น้อยที่จะเป็นเช่นนั้น
- (A) rarely longer than: วลีนี้แปลว่า "แทบจะไม่นานกว่า" หรือ "นาน ๆ ครั้งที่จะนานกว่า" เมื่อนำมาใช้กับ "a single second" จะสื่อความหมายได้อย่างชัดเจนว่า โดยส่วนใหญ่แล้ว ความรู้สึกของช่วงเวลาที่ fleeting มักจะไม่นานเกินหนึ่งวินาที ซึ่งสอดคล้องกับประสบการณ์ที่เรามักจะรับรู้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านไปเร็ว ๆ นั้นสั้นมาก
- (B) longer rarely than: โครงสร้างนี้มีการเรียงลำดับคำที่ไม่เป็นธรรมชาติในภาษาอังกฤษ คำวิเศษณ์ "rarely" โดยทั่วไปจะวางไว้หน้าคำคุณศัพท์หรือกริยาที่มันขยาย การวางไว้ระหว่าง "longer" และ "than" ทำให้ประโยคฟังดูไม่ถูกต้องและสื่อความหมายได้ไม่ชัดเจน
- (C) than rarely longer: เช่นเดียวกับตัวเลือก (B) การเรียงลำดับคำนี้ผิดหลักไวยากรณ์และไม่สื่อความหมายที่สมเหตุสมผล
- (D) longer than rarely: วลีนี้แปลว่า "นานกว่าที่จะไม่บ่อย" ซึ่งมีความหมายที่ขัดแย้งในตัวเอง การบอกว่าช่วงเวลานั้น "นานกว่าที่จะไม่บ่อย" ไม่ได้เน้นย้ำถึงความสั้นของช่วงเวลา และไม่ได้ให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับระยะเวลาที่แท้จริง
ดังนั้น "(A) rarely longer than" เป็นตัวเลือกที่ถูกต้องที่สุด เพราะสื่อความหมายได้อย่างชัดเจนว่า ความรู้สึกของช่วงเวลาที่ fleeting นั้นแทบจะไม่นานเกินหนึ่งวินาที ซึ่งตรงกับประสบการณ์ทั่วไปของเรา
ความแตกต่างระหว่าง "seldom" และ "rarely":
- ทั้ง "seldom" และ "rarely" เป็นคำวิเศษณ์แสดงความถี่ที่มีความหมายใกล้เคียงกัน คือ "ไม่บ่อย" หรือ "นาน ๆ ครั้ง"
- โดยทั่วไปแล้ว "rarely" อาจจะสื่อถึงความไม่บ่อยที่มากกว่า "seldom" เล็กน้อย แต่ในหลายบริบทสามารถใช้แทนกันได้
- โครงสร้าง "rarely/seldom + longer/more + than + จำนวน/ปริมาณ" ใช้เพื่อเน้นว่าบางสิ่งบางอย่างแทบจะไม่เกินค่าที่ระบุ
"Fleeting moment" สื่อถึงช่วงเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งมักจะถูกรับรู้ว่าสั้นกว่าระยะเวลาจริง ๆ
- การใช้คำเปรียบเทียบกับคำวิเศษณ์แสดงความถี่:
- การนำคำวิเศษณ์แสดงความถี่ (เช่น seldom, rarely, often, always, never) มาใช้ร่วมกับคำเปรียบเทียบ (เช่น more than, less than, longer than, shorter than) ช่วยให้เราสามารถอธิบายความถี่หรือโอกาสของการเกิดเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเปรียบเทียบนั้น ๆ ได้อย่างละเอียดและมีความหมายเฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น
🔮 รายละเอียดเพิ่มเติม (ย่อ - ขยาย ) ---- > Click
คำวิเศษณ์แสดงความถี่ (Adverbs of Frequency) คืออะไร? 🤔
- เป็นคำวิเศษณ์ประเภทหนึ่ง 🗣️ ที่เราใช้เพื่อบอกว่า สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน 🗓️ หรือ ถี่มากน้อยเพียงใด 📊 บางทีก็เรียกว่า "adverbials of frequency"
คำวิเศษณ์แสดงความถี่ที่พบบ่อย 👇
- คำที่คุณถามถึงเลย: seldom (นาน ๆ ครั้ง), rarely (แทบจะไม่), often (บ่อย ๆ), always (เสมอ), never (ไม่เคย)
ตำแหน่งของคำวิเศษณ์แสดงความถี่ในประโยค 📍
- ส่วนใหญ่: จะวางไว้ หน้ากริยาหลัก เลย 👍
- ตัวอย่าง: I often go to the park. (ฉันไปสวนสาธารณะบ่อย ๆ)
- เมื่อมีกริยาช่วย (is, am, are, was, were, have, has, had, will, can, etc.): จะวางไว้ หลังกริยาช่วยตัวแรก และ หน้ากริยาหลัก 🧍➡️ คำวิเศษณ์ ➡️ 🏃
- ตัวอย่าง:
- We were always being sent home. (พวกเราถูกส่งกลับบ้านอยู่เสมอ)
- He had never been to this big town before. (เขาไม่เคยมาเมืองใหญ่แบบนี้มาก่อนเลย)
- Religion was rarely discussed in our house. (เรื่องศาสนานาน ๆ ครั้งถึงจะถูกพูดถึงในบ้านเรา)
- กริยา Present Simple หรือ Past Simple (ที่ไม่ใช่ 'be'): ส่วนใหญ่จะอยู่ หน้ากริยา
- ตัวอย่าง:
- I never did my homework on time. (ฉันไม่เคยทำการบ้านตรงเวลาเลย)
- She never goes abroad. (เธอไม่เคยไปต่างประเทศเลย)
- He seldom bathed. (เขานาน ๆ ครั้งถึงจะอาบน้ำ)
- เพิ่มเติม: บางครั้งก็วางไว้หลังกริยาได้ แต่พบน้อยกว่านะ 🤔
- กริยา Present Simple หรือ Past Simple ของ 'be' (is, am, are, was, were): มักจะอยู่ หลังกริยา 'be' 😊
- ตัวอย่าง:
- Change is seldom easy. (การเปลี่ยนแปลงนั้นนาน ๆ ครั้งถึงจะง่าย)
- The office was hardly ever empty. (ออฟฟิศแทบจะไม่เคยว่างเลย)
- พิเศษ: ถ้าต้องการเน้นคำว่า never สามารถวางไว้หน้า 'be' ได้ เพื่อให้ความหมายหนักแน่นขึ้น 💪
- ตัวอย่าง: There never was enough hot water at home. (มันไม่เคยมีน้ำร้อนพอที่บ้านเลยจริง ๆ)
- Tense Progressive (is/are/was/were + -ing): ถ้าต้องการเน้นความถี่ (เช่น always, forever) มักจะวางไว้ หลัง 'be' หรือกริยาช่วย เพื่อแสดงว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นซ้ำ ๆ จนอาจจะมีความรู้สึกไม่พอใจเข้ามาด้วย 😠
- ตัวอย่าง:
- You’re always looking for faults. (คุณเอาแต่จับผิดอยู่เรื่อยเลยนะ)
- Something was always going wrong. (มีอะไรผิดพลาดอยู่เสมอเลย)
เจาะลึกคำวิเศษณ์ที่คุณถามถึง 🔎
- never: เป็นคำวิเศษณ์ เชิงปฏิเสธ 🚫 บอกว่าบางสิ่ง ไม่เคย เกิดขึ้น หรือ จะไม่มีวัน เกิดขึ้น
- ตำแหน่งก็ตามกฎทั่วไป
- สามารถนำหน้า ประโยคคำสั่ง (Imperative) ได้ เพื่อเน้นว่าห้ามทำเด็ดขาด! 🛑
- ตัวอย่าง: Never change a wheel near a drain. (อย่าเปลี่ยนยางรถใกล้ท่อระบายน้ำเด็ดขาด!)
- ใช้ do, does, did ตามหลัง never เพื่อเน้นความหมายปฏิเสธได้อีกด้วย ❗
- ตัวอย่าง: They never did get their money back. (พวกเขาไม่ได้เงินคืนจริง ๆ)
- ใช้ ever ตามหลัง never เพื่อเน้นย้ำได้ 💯
- seldom และ rarely: เป็นกลุ่มคำที่เรียกว่า broad negatives 🤏 หมายถึง แทบจะไม่ หรือ นาน ๆ ครั้ง ทำให้ประโยคนั้นมีความหมายเป็นลบแบบอ่อน ๆ
- ตำแหน่งก็ตามกฎทั่วไป
- ในภาษาทางการ/วรรณกรรม: บางครั้งวางไว้ ต้นประโยค เพื่อเน้นได้ แต่ต้องมีการ สลับตำแหน่งกริยา (inversion) นะ 🔄
- ตัวอย่าง: Seldom has society offered so wide a range of leisure time activities. (สังคมนาน ๆ ครั้งถึงจะมีกิจกรรมยามว่างให้เลือกมากมายขนาดนี้)
- ตัวอย่าง: Rarely do local matches live up to expectations. (นาน ๆ ครั้งที่การแข่งขันในท้องถิ่นจะสมกับที่คาดหวังไว้)
- สามารถใช้คำเหล่านี้ขยายความได้: so, very, too, pretty (สำหรับ seldom และ rarely) และ only (สำหรับ rarely) ➕
- ตัวอย่าง: very seldom, too rarely, only rarely
- often และ frequently: เป็นคำวิเศษณ์ที่บอกว่า บ่อย ๆ สามารถใช้ในรูป เปรียบเทียบ (more often) และ ขั้นสุด (most frequently) ได้ด้วย 👍👍
- ตัวอย่าง: more often than in the past (บ่อยกว่าในอดีต), mistakes that we make most frequently (ข้อผิดพลาดที่เราทำบ่อยที่สุด)
- always: แปลว่า เสมอ นอกจากตำแหน่งปกติแล้ว ยังสามารถวางไว้ หลังกริยาช่วย 'be' ในรูป progressive เพื่อเน้นความถี่ หรือแสดงความรู้สึกไม่พอใจได้ด้วย 😠
- ตัวอย่าง: You’re always interrupting me! (คุณขัดจังหวะฉันอยู่เรื่อยเลยนะ!)
วิธีอื่น ๆ ในการบอกความถี่ 🌈
- ใช้ ตัวเลข + times หรือ once/twice (หนึ่งครั้ง/สองครั้ง) 🔢
- ตัวอย่าง: I go to the gym three times a week.
- ใช้ ตัวเลข + หน่วยเวลา นำหน้าด้วย every หรือ a/per ⏱️
- ตัวอย่าง: every day, a week, per month
- ใช้คำประมาณ เช่น almost, about, nearly, or so, or less, or more 🤏
- ตัวอย่าง: I almost never eat fast food.
- ใช้ every + หน่วยเวลา เพื่อบอกช่วงเวลาที่สม่ำเสมอ 🔁
- ตัวอย่าง: every hour, every Monday
- ใช้ first, next, last เพื่อบอกลำดับเหตุการณ์
- ตัวอย่าง: I first went to the store, then went home.
- ใช้คำวิเศษณ์บอกเวลาที่ลงท้ายด้วย -ly (hourly, daily, weekly) ⏰
- ตัวอย่าง: The bus comes hourly.
- ใช้วลีบุพบท (prepositional phrases) เช่น on Tuesdays, at weekends, in the afternoons 🗓️
- ตัวอย่าง: I play football on Tuesdays.