Grammar Tip - พื้นฐาน 1

Grammar Tip - พื้นฐาน 1
Photo by JESHOOTS.COM / Unsplash

On this page

อย่าใช้ “an” หรือ “a” นำหน้าคำว่า “own” โดยตรง

💡
อย่าใช้ “an” หรือ “a” นำหน้าคำว่า “own” โดยตรง

🔮 รายละเอียดเพิ่มเติม (ย่อ - ขยาย ) ---- > Click

🔎 ทำไมถึงเป็นแบบนั้น?

คำว่า "own" เป็นคำคุณศัพท์ (adjective) ที่แสดงความเป็นเจ้าของ “อย่างชัดเจน” เช่น
👉 "ของฉันเอง", "ของเขาเอง", "ของคุณเอง"

เนื่องจาก "own" มีความหมายเฉพาะตัวอยู่แล้ว จึง ต้องจับคู่กับคำที่แสดงเจ้าของ เสมอ เช่น:

  • my (ของฉัน)
  • your (ของคุณ)
  • his / her / its (ของเขา / ของเธอ / ของมัน)
  • our / their (ของพวกเรา / ของพวกเขา)

ดังนั้น เราจะพูดว่า:

  • my own idea → ถูก
  • her own apartment → ถูก

แต่ไม่สามารถพูดว่า:

  • an own idea
  • a own apartment

เพราะไม่มีคำแสดงเจ้าของอยู่ข้างหน้า “own”

✅ สองโครงสร้างที่ใช้ได้กับ “own” อย่างถูกต้อง:

1. [คำแสดงเจ้าของ] + own + nounเช่น: their own project, his own reason

(ใช้เมื่อต้องการเน้นว่า “ของคนนั้นโดยเฉพาะ”)

2. a/an + noun + of + [คำแสดงเจ้าของ] + ownเช่น: a solution of your own, an apartment of his own

(ใช้เมื่อต้องการวาง “own” ไว้ท้าย เพื่อให้ภาษาสละสลวยหรือเน้นย้ำมากขึ้น)

🎯 สรุปจำง่าย:

  • ❌ ห้ามใช้: an own, a own
  • ✅ ใช้: my own, his own, a plan of her own
  • "own" ต้องจับคู่กับเจ้าของเท่านั้น ไม่ใช่ article (a, an, the)

“or rather”

💡
“or rather”

"or rather" แปลว่า “หรือจะพูดให้ถูกกว่านั้น…” / “หรือพูดใหม่ให้แม่นยำขึ้นว่า…”

ใช้เมื่อเราต้องการ แก้ไขคำที่พูดไปแล้วก่อนหน้า
หรือ พูดให้แม่นยำหรือสุภาพขึ้น

🔮 รายละเอียดเพิ่มเติม (ย่อ - ขยาย ) ---- > Click

🎯 โครงสร้าง

[สิ่งที่พูดไปก่อน] — or rather, [สิ่งที่จะแก้ไข/พูดใหม่]

🧠 เหตุผลที่ใช้:

  1. แก้ไขความผิดพลาดเล็กน้อย (พูดผิดแล้วรีบแก้)
  2. ทำให้ข้อความดูแม่นยำขึ้น
  3. เพิ่มความสุภาพในการพูดหรือเขียน

📝 ตัวอย่าง

1. I left my wallet in the car — or rather, in the taxi.

(ฉันลืมกระเป๋าไว้ในรถ — เอ๊ะไม่ใช่สิ ในแท็กซี่ต่างหาก)

2. He’s a writer — or rather, a journalist.

(เขาเป็นนักเขียน — พูดให้ชัดคือเป็นนักข่าว)

3. We’re meeting this afternoon — or rather, early evening.

(เราจะเจอกันช่วงบ่าย — เอ๊ะพูดให้ชัดคือช่วงเย็นต้น ๆ)

✨ เคล็ดลับ:

  • อย่าใช้ "or better" เพื่อแก้ไขตัวเองในลักษณะนี้นะครับ
    ใช้ "or rather" เสมอเมื่อหมายถึง “พูดใหม่ให้ถูกกว่าเดิม”

🎯 สรุปสั้น ๆ:

ใช้ or rather เมื่อคุณต้องการ พูดใหม่อีกครั้งเพื่อความถูกต้อง หรือแม่นยำกว่าเดิม

I am cooking dinner every night. ประโยคนี้ถูกหรือผิด

💡
I am cooking dinner every night. ประโยคนี้ถูกหรือผิด

🎯 โครงสร้างพื้นฐาน

ประธานกริยา (V1)หมายเหตุ
I / You / We / Theyplay / eat / goไม่เติม s
He / She / Itplays / eats / goesเติม -s / -es

🔮 รายละเอียดเพิ่มเติม (ย่อ - ขยาย ) ---- > Click

  • ❌ I am cooking dinner every night.
    (ผิด เพราะ “every night” แสดงว่าทำบ่อย → ควรใช้ simple present)
  • ✅ I cook dinner every night.
    (ถูกต้อง: แสดงนิสัย ทำเป็นประจำ)

🔑 เคล็ดลับจำง่าย:

ใช้ Simple Present เมื่อสิ่งนั้น...

🔁 เกิดซ้ำ
🧠 เป็นนิสัย
เป็นความจริงทั่วไป
📅 อยู่ในตารางเวลาคงที่

อธิบายได้ดังนี้

🔹 Simple Present Tense

Simple Present คือ รูปกาลปัจจุบันธรรมดา ใช้เมื่อเราต้องการพูดถึง:

  1. พฤติกรรมหรือนิสัย (Habits)
  2. เหตุการณ์ที่เกิดซ้ำ ๆ (Repeated Actions)
  3. ความจริงทั่วไป (General Truths)
  4. ตารางเวลา / กำหนดการที่แน่นอน (Schedules)

1. He drinks coffee every morning.

(เขาดื่มกาแฟทุกเช้า) ☕

→ แสดงนิสัยที่ทำประจำ

2. The sun rises in the east.

(พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก) 🌅

→ ข้อเท็จจริงทางธรรมชาติ

3. They go to the gym twice a week.

(พวกเขาไปยิมสัปดาห์ละสองครั้ง) 🏋️‍♂️

→ กิจกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำเป็นประจำ

4. The train leaves at 6 p.m.

(รถไฟออกตอน 6 โมงเย็น) 🚆

→ ตารางเวลาที่แน่นอน

อย่าละ (หรือลืมใส่) preposition (คำบุพบท) เมื่อแปลงประโยคให้เป็น passive voice

💡
อย่าละ (หรือลืมใส่) preposition (คำบุพบท) เมื่อแปลงประโยคให้เป็น passive voice

🧠 สรุปจำง่าย:

✅ ถ้า verb ต้องใช้ preposition → ห้ามตัด preposition เมื่อเปลี่ยนเป็น passive
Verb + PrepositionPassive (ถูก)Passive (ผิด)
look afterThe baby is looked after.✘ The baby is looked.
depend onHe is depended on.✘ He is depended.
listen toThe music was listened to.✘ The music was listened.

🎯 จำง่าย ๆ:

ถ้าในประโยค active มี preposition → ใน passive ต้องยังมีอยู่

🔮 รายละเอียดเพิ่มเติม (ย่อ - ขยาย ) ---- > Click

อย่าละ (หรือลืมใส่) preposition (คำบุพบท) เมื่อแปลงประโยคให้เป็น passive voice

📌 ทำไมถึงสำคัญ?

บางกริยาในภาษาอังกฤษต้อง ใช้คู่กับ preposition เสมอ
เช่น:

  • talk about
  • listen to
  • depend on
  • laugh at
  • take care of

เมื่อเรานำกริยาเหล่านี้ไปใช้ในรูปแบบ Passive Voice
→ ต้อง คง preposition นั้นไว้
→ ห้ามตัดออก ❌

🔁 ตัวอย่างใหม่

:🔹 1. Active Voice:

🔸 They talked about the issue.
(พวกเขาพูดถึงประเด็นนั้น)

🔹 2. Passive Voice (ถูกต้อง ✅):

🔸 The issue was talked about.
(ประเด็นนั้นถูกพูดถึง)

❌ ผิด:

🔸 The issue was talked.
→ ✘ ผิด เพราะ talk ต้องใช้ about

🔹 อีกตัวอย่าง:Active Voice:

🔸 Everyone laughed at his idea.
(ทุกคนหัวเราะเยาะความคิดของเขา)

Passive Voice (ถูกต้อง):

🔸 His idea was laughed at.
(ความคิดของเขาถูกหัวเราะเยาะ)

❌ ผิด:

🔸 His idea was laughed.
→ ✘ ผิด เพราะขาด preposition “at”

✅ ใช้ “had better” = ควรจะ..., น่าจะ..., ทางที่ดีควร...

💡
✅ ใช้ “had better”

ใช้เมื่อต้องการให้คำแนะนำอย่างจริงจัง หรือเตือนอย่างมีนัยว่า ถ้าไม่ทำ อาจมีผลเสียตามมา

🎯 สรุปจำง่าย:

❌ ผิด✅ ถูก
I have better go now.I had better go now.
You have better sleep.You had better sleep.
✅ ใช้ “had better + V1” → เพื่อเตือน/แนะนำ
❌ ห้ามใช้ “have better” เพราะไม่ถูกตามหลักไวยากรณ์

🔮 รายละเอียดเพิ่มเติม (ย่อ - ขยาย ) ---- > Click

✅ ใช้ “had better”

ไม่ใช่ “have better”

🧠 ความหมาย:

had better + กริยาไม่ผัน (bare infinitive)
= ควรจะ..., น่าจะ..., ทางที่ดีควร...

ใช้เมื่อต้องการให้คำแนะนำอย่างจริงจัง หรือเตือนอย่างมีนัยว่า ถ้าไม่ทำ อาจมีผลเสียตามมา

⚠️ โครงสร้างที่ถูกต้อง:

[ประธาน] + had better + V1 (ไม่เติม s / ไม่ผัน)

  • I had better leave now.
    (ฉันควรจะไปตอนนี้แล้วล่ะ)
  • You had better not forget your keys.
    (คุณอย่าลืมกุญแจล่ะ)

📌 ย่อได้ว่า

  • I’d better (I had better)
  • You’d better
  • We’d better

❌ อย่าใช้ “have better”

คำว่า "have better" เป็นโครงสร้างที่ผิดตามหลักไวยากรณ์ในกรณีนี้
เพราะ "have" ไม่ได้ใช้เพื่อสร้างความหมายของการเตือนหรือแนะนำแบบ “ควรจะทำ”

✨ ตัวอย่าง

🔹 A: It's getting dark.

🔸 B: You’d better take a flashlight.
(คุณควรเอาไฟฉายไปนะ)

🔹 He’s coughing a lot.

🔸 He’d better see a specialist soon.
(เขาควรไปพบหมอเฉพาะทางเร็ว ๆ นี้)

🔹 The exam is tomorrow.

🔸 We’d better start revising tonight.
(เราควรเริ่มทบทวนคืนนี้เลย)

💡
หนังสืออ้างอิง
💡
วันที่แก้ไขข้อมูล 2024-11-20👉 เอกสารอ้างอิง Oxford-River Books Concise English-Thai Dictionary 👉 Oxford Thesaurus of English (2nd Edition revised 2008) 👉 McGraw-Hill's.Dictionary.of.American.Idioms.and.Phrasal.Verbs 👉 อ้างอิง Collins COBUILD English Grammar 👉 Merriam-Webster. Merriam-Webster's Advanced Learner's Dictionary 👉 The Dictionary of Clichés: A Word Lover's Guide to 4,000 Overused Phrases and Almost-Pleasing Platitudes 👉 Longman Dictionary of Contemporary English 👉 เอกสารอ้างอิง Collins COBUILD English Usage 👉 Ludwig.guru

Subscribe to THESKILL1.COM newsletter and stay updated.

Don't miss anything. Get all the latest posts delivered straight to your inbox. It's free!
Great! Check your inbox and click the link to confirm your subscription.
Error! Please enter a valid email address!