🔮 รายละเอียดเพิ่มเติม Adjective (ย่อ - ขยาย ) ---- > Click
สรุปการใช้ Adjective (คำคุณศัพท์):
🔮 หน้าที่หลัก:
ขยายคำนาม (Noun): ทำหน้าที่อธิบายหรือให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำนาม เช่น a beautiful flower, the tall building, some interesting books.
ใช้กับ Verb to be และ Linking Verbs: ทำหน้าที่เป็นส่วนเติมเต็ม (Complement) เพื่ออธิบายประธานของประโยค เช่น She is happy., The food tastes delicious. (linking verbs เช่น seem, look, feel, taste, smell, sound, become, get)
🔮 ตำแหน่งของ Adjective:
วางไว้หน้าคำนาม: เป็นตำแหน่งที่พบบ่อยที่สุด เช่น an old car.
วางไว้หลัง Verb to be และ Linking Verbs: เช่น He seems tired.
วางไว้หลังคำสรรพนามที่ไม่ชี้เฉพาะ (Indefinite Pronouns): เช่น something interesting, anyone responsible.
ใช้ในวลีคุณศัพท์ (Adjective Phrases): กลุ่มคำที่ทำหน้าที่เหมือน adjective เช่น a man wearing a hat.
🔮 ชนิดของ Adjective: มีหลายประเภท เช่น
Descriptive Adjectives: บอกลักษณะ คุณสมบัติ เช่น big, small, red, happy.
Quantitative Adjectives: บอกปริมาณ เช่น some, many, few, one, ten.
Demonstrative Adjectives: ชี้เฉพาะ เช่น this, that, these, those.
Possessive Adjectives: แสดงความเป็นเจ้าของ เช่น my, your, his, her, its, our, their.
Interrogative Adjectives: ใช้ในคำถาม เช่น which, whose, what.
Proper Adjectives: มาจากคำนามเฉพาะ และมักขึ้นต้นด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ เช่น Thai food, American culture.
Compound Adjectives: เกิดจากการรวมคำสองคำหรือมากกว่า และมักมีเครื่องหมาย hyphen (-) เช่น well-known, easy-going.
🔮 การเปรียบเทียบ Adjective (Degrees of Comparison):
ขั้นปกติ (Positive Degree): รูปเดิมของ adjective เช่น tall, beautiful.
ขั้นกว่า (Comparative Degree): ใช้เปรียบเทียบสองสิ่ง
เติม -er สำหรับ adjective พยางค์เดียวส่วนใหญ่ และบางคำสองพยางค์ เช่น taller, faster.
ใช้ more นำหน้า adjective ที่มีสองพยางค์ขึ้นไป (ที่ไม่ลงท้ายด้วย -y, -er, -ow, -le) เช่น more beautiful, more interesting.
มีรูปพิเศษบางคำ เช่น good - better, bad - worse, far - farther/further.
ขั้นสูงสุด (Superlative Degree): ใช้เปรียบเทียบสามสิ่งขึ้นไป
เติม -est สำหรับ adjective พยางค์เดียวส่วนใหญ่ และบางคำสองพยางค์ เช่น tallest, fastest.
ใช้ most นำหน้า adjective ที่มีสองพยางค์ขึ้นไป (ที่ไม่ลงท้ายด้วย -y, -er, -ow, -le) เช่น most beautiful, most interesting.
มีรูปพิเศษบางคำ เช่น good - best, bad - worst, far - farthest/furthest.
โครงสร้างการเปรียบเทียบที่พบบ่อย:
- ขั้นกว่า: ... -er than ..., more ... than ..., less ... than ...
- ขั้นสูงสุด: the ... -est, the most ..., the least ...
- การเปรียบเทียบเท่ากัน: as ... as ..., not as/so ... as ...
🔮 ประเด็นสำคัญที่ข้อสอบภาษาอังกฤษมักจะออกเกี่ยวกับ Adjective:
-- ตำแหน่งของ Adjective:
- การวาง adjective ขยายคำนาม: ระหว่าง adjective หลายตัว ควรเรียงลำดับตามหลักเกณฑ์ (Order of Adjectives) แม้จะไม่เคร่งครัดมาก แต่ลำดับที่พบบ่อยคือ: Opinion - Size - Age - Shape - Color - Origin - Material - Purpose (OSASCOMP) เช่น a beautiful big old round blue Thai silk scarf. ข้อสอบอาจให้เรียงลำดับ adjective ที่ถูกต้อง
- การวาง adjective หลัง Linking Verbs: ระบุว่าคำที่ตามหลัง linking verb เป็น adjective ที่ขยายประธาน ไม่ใช่ adverb ที่ขยาย verb
- การวาง adjective หลัง Indefinite Pronouns: สังเกตตำแหน่งที่ adjective ต้องอยู่หลังคำสรรพนามเหล่านี้
-- การเปรียบเทียบ Adjective (Degrees of Comparison):
- การสร้างรูปขั้นกว่าและขั้นสูงสุด: เติม -er/-est หรือใช้ more/most ได้ถูกต้อง
- การใช้โครงสร้างการเปรียบเทียบ: เติม than หลังขั้นกว่า, ใช้ the นำหน้าขั้นสูงสุด, ใช้ as/so/not as กับการเปรียบเทียบเท่ากัน
- การเปรียบเทียบที่ไม่สมเหตุสมผล: เปรียบเทียบสิ่งที่ไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้
- การใช้คำขยาย (Modifiers) หน้าขั้นกว่าและขั้นสูงสุด: เช่น much taller, far more interesting, by far the best.
-- การเลือกใช้ Adjective ที่เหมาะสม:
- ความหมายที่แตกต่างกันของ Adjective ที่คล้ายกัน: เช่น economic vs. economical, historic vs. historical, sensitive vs. sensible.
- Collocations (คำที่ใช้คู่กัน): Adjective มักใช้กับคำนามบางคำเป็นประจำ เช่น strong coffee, heavy rain, bright idea.
- การใช้ Adjective เพื่ออธิบายความรู้สึกและลักษณะ: เลือกคำที่สื่อความหมายได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับบริบท
-- Adjective Clauses (อนุประโยคคุณศัพท์):
- การใช้ Relative Pronouns (who, whom, which, that, whose) เชื่อมอนุประโยค: เข้าใจหน้าที่ของ relative pronouns ในการขยายคำนาม
- การลดรูป Adjective Clauses: เปลี่ยน adjective clauses ให้เป็น adjective phrases โดยการตัด relative pronoun และ verb to be หรือใช้ present/past participle เช่น The book that is lying on the table is mine. -> The book lying on the table is mine.
-- Participles as Adjectives (คำกริยาที่ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์):
- Present Participle (-ing): อธิบายสิ่งที่ก่อให้เกิดความรู้สึกหรือลักษณะนั้น เช่น an exciting movie (หนังที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้น)
- Past Participle (-ed): อธิบายสิ่งที่ถูกกระทำหรือรู้สึกเช่นนั้น เช่น an excited audience (ผู้ชมที่รู้สึกตื่นเต้น) ข้อสอบมักถามถึงความแตกต่างในการใช้
🔮 สรุปประเด็นสำคัญสำหรับข้อสอบ:
- ตำแหน่งและการเรียงลำดับ Adjective
- การสร้างและใช้รูปเปรียบเทียบ (ขั้นกว่าและขั้นสูงสุด)
- การเลือกใช้ Adjective ที่มีความหมายเหมาะสมกับบริบท
- การทำความเข้าใจและใช้ Adjective Clauses รวมถึงการลดรูป
- ความแตกต่างระหว่าง Present และ Past Participles ที่ทำหน้าที่เป็น Adjective
🔮 รายละเอียดเพิ่มเติม Adverb (ย่อ - ขยาย ) ---- > Click
ตำแหน่งของ Adverb:
- การวาง Adverb เพื่อขยาย Verb: Adverb มักวางไว้ใกล้กับ Verb ที่ต้องการขยาย ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งก่อนหรือหลัง Verb หลัก ขึ้นอยู่กับชนิดของ Adverb และความต้องการเน้นย้ำ เช่น
- She quickly ate her breakfast. (Adverb วางก่อน Verb)
- He runs fast. (Adverb วางหลัง Verb)
- They go to the park every day. (Adverb วางท้ายประโยค)
- การวาง Adverb เพื่อขยาย Adjective: Adverb ที่ขยาย Adjective มักวางไว้หน้า Adjective นั้นๆ เช่น
- It's an incredibly beautiful painting.
- He is really happy.
- การวาง Adverb เพื่อขยาย Adverb อื่น: Adverb สามารถขยาย Adverb อื่นได้ โดยมักวางไว้หน้า Adverb ที่ถูกขยาย เช่น
- She speaks English very fluently.
- He finished the race surprisingly quickly.
- การวาง Adverb เพื่อขยายทั้งประโยค: Adverb บางคำสามารถขยายความหมายของทั้งประโยคได้ โดยมักวางไว้หน้าสุดของประโยค หรืออาจมีเครื่องหมายจุลภาค (comma) คั่น เช่น
- Fortunately, it didn't rain.
- Actually, I don't like coffee.
ชนิดและการใช้ Adverb:
- Adverbs of Manner (กริยาวิเศษณ์บอกลักษณะ): อธิบายว่ากริยาเกิดขึ้นอย่างไร (how) เช่น slowly, carefully, loudly.
- Adverbs of Time (กริยาวิเศษณ์บอกเวลา): บอกว่ากริยาเกิดขึ้นเมื่อไร (when) หรือบ่อยแค่ไหน (how often) เช่น now, yesterday, soon, always, often.
- Adverbs of Place (กริยาวิเศษณ์บอกสถานที่): บอกว่ากริยาเกิดขึ้นที่ไหน (where) เช่น here, there, everywhere, outside.
- Adverbs of Degree (กริยาวิเศษณ์บอกระดับ): บอกระดับความมากน้อยของคำที่ขยาย เช่น very, quite, extremely, a little.
- Adverbs of Frequency (กริยาวิเศษณ์บอกความถี่): บอกความถี่ของการกระทำ เช่น always, usually, sometimes, never.
- Conjunctive Adverbs (กริยาวิเศษณ์เชื่อมประโยค): เชื่อมสองประโยคเข้าด้วยกันและแสดงความสัมพันธ์ เช่น however, therefore, moreover.
การเปรียบเทียบ Adverb (Degrees of Comparison):
เช่นเดียวกับ Adjective, Adverb บางคำสามารถเปรียบเทียบขั้นกว่าและขั้นสูงสุดได้ โดยมีหลักการคล้ายกันคือเติม -er/-est หรือใช้ more/most (ส่วนใหญ่ใช้กับ Adverb ที่มีสองพยางค์ขึ้นไป หรือลงท้ายด้วย -ly)
- He runs faster than his brother. (ขั้นกว่า)
- She speaks most fluently in the class. (ขั้นสูงสุด)
การเลือกใช้ Adverb ที่เหมาะสม:
- การเลือกใช้ Adverb ที่มีความหมายถูกต้องและเหมาะสมกับบริบทเป็นสิ่งสำคัญในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
Adverbial Clauses (อนุประโยคกริยาวิเศษณ์):
เช่นเดียวกับ Adjective Clauses ที่ขยายคำนาม Adverbial Clauses ทำหน้าที่ขยาย Verb, Adjective หรือ Adverb โดยจะเริ่มต้นด้วยคำสันธาน (conjunctions) เช่น when, because, if, although, while.
- I will call you when I arrive. (ขยาย Verb "will call")
- He was angry because he was late. (ขยาย Adjective "angry")
สรุปประเด็นสำคัญสำหรับการใช้ Adverb:
- ตำแหน่ง การวาง Adverb ในตำแหน่งที่เหมาะสมเพื่อขยายคำที่ต้องการ
- ชนิดและการใช้งาน ทำความเข้าใจความหมายและการใช้งานของ Adverb แต่ละชนิด
- การเปรียบเทียบ การสร้างและใช้รูปเปรียบเทียบของ Adverb ได้อย่างถูกต้อง
- Adverbial Clauses การทำความเข้าใจและใช้ Adverbial Clauses เพื่อเพิ่มรายละเอียดและความซับซ้อนให้กับประโยค
🔮 รายละเอียดเพิ่มเติม (ย่อ - ขยาย ) ---- > Click
ตำแหน่งของ Preposition:
🔮 วางหน้าคำนามหรือสรรพนาม (Noun or Pronoun): นี่เป็นลักษณะเด่นที่สุดของ Preposition คือการนำหน้าคำนาม กลุ่มคำนาม หรือสรรพนาม เพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างคำนาม/สรรพนามนั้นกับคำอื่นๆ ในประโยค เช่น
- The book is on the table. (on นำหน้าคำนาม the table)
- She gave the letter to him. (to นำหน้าสรรพนาม him)
- They walked along the river bank. (along นำหน้ากลุ่มคำนาม the river bank)
🔮 หน้าที่หลักของ Preposition:
Preposition ทำหน้าที่หลักในการแสดงความสัมพันธ์ต่างๆ ได้แก่:
- บอกตำแหน่ง (Position/Location): in, on, at, under, over, beside, between, among, behind, in front of, near, far from
- The cat is under the chair.
- บอกทิศทาง (Direction/Movement): to, from, towards, away from, into, out of, through, across, up, down, along
- They are going to the market.
- บอกเวลา (Time): at, on, in, before, after, during, until, since, for
- The meeting is at 2 PM.
- บอกความสัมพันธ์อื่นๆ (Other Relationships): of, by, with, without, about, for, because of, despite
- This book is by a famous author.
- She went to the party with her friends.
🔮 ประเภทของ Preposition:
- Simple Prepositions (คำบุพบทเดี่ยว): ประกอบด้วยคำเดียว เช่น in, on, at, to, from.
- Compound Prepositions (คำบุพบทผสม): เกิดจากการรวมคำสองคำขึ้นไป เช่น into, onto, without, within, throughout.
- Phrase Prepositions (วลีบุพบท): กลุ่มคำที่ทำหน้าที่เป็นคำบุพบท เช่น in front of, because of, according to, in spite of.
🔮 สิ่งที่ควรสังเกตเกี่ยวกับ Preposition:
- Prepositional Phrases (วลีบุพบท): คือกลุ่มคำที่เริ่มต้นด้วย Preposition และตามด้วย Object ของ Preposition (คำนามหรือสรรพนาม) และอาจมีส่วนขยายอื่นๆ
- The cat on the roof is mine. (on the roof เป็นวลีบุพบท โดยมี the roof เป็น Object ของ on)
- Prepositions and Verbs (คำบุพบทกับกริยา): บางครั้ง Preposition จะตามหลังกริยาและรวมกันเป็น Phrasal Verbs ซึ่งมีความหมายเฉพาะเจาะจงแตกต่างจากความหมายเดิมของกริยาและ Preposition นั้นๆ
- look at (มองดู), give up (ยอมแพ้), turn on (เปิด)
- Ending a Sentence with a Preposition: ในภาษาอังกฤษแบบไม่เป็นทางการ การจบประโยคด้วย Preposition ถือว่าไม่ผิดหลักไวยากรณ์ แต่ในภาษาที่เป็นทางการมากขึ้น ควรหลีกเลี่ยงถ้าเป็นไปได้
🔮 สรุปประเด็นสำคัญเกี่ยวกับ Preposition:
- ตำแหน่ง: มักวางหน้าคำนามหรือสรรพนาม
- หน้าที่: แสดงความสัมพันธ์ต่างๆ เช่น ตำแหน่ง ทิศทาง เวลา และอื่นๆ
- ประเภท: มีทั้งคำบุพบทเดี่ยว ผสม และวลี
- วลีบุพบท: กลุ่มคำที่เริ่มต้นด้วย Preposition และมี Object ตามมา
- ความสัมพันธ์กับกริยา: อาจรวมกับกริยาเป็น Phrasal Verbs
🔮 รายละเอียดเพิ่มเติม Nouns (ย่อ - ขยาย ) ---- > Click
ตำแหน่งของคำนาม (Position of Nouns):
คำนามสามารถปรากฏในตำแหน่งต่างๆ ในประโยค โดยแต่ละตำแหน่งจะมีหน้าที่ทางไวยากรณ์ที่แตกต่างกันไป ดังนี้:
- ประธานของประโยค (Subject of the Sentence): คำนามที่กระทำการหรือถูกกล่าวถึงเป็นหลักในประโยค มักวางไว้หน้ากริยา (Verb)
- The dog barks loudly.
- Mary is a student.
- กรรมตรง (Direct Object): คำนามที่ถูกกริยากระทำโดยตรง มักวางไว้หลังกริยาที่ต้องการกรรม
- He reads a book.
- She ate an apple.
- กรรมรอง (Indirect Object): คำนามที่รับผลจากการกระทำของกริยาโดยอ้อม มักวางไว้ระหว่างกริยาและกรรมตรง (มักใช้กับกริยาที่แสดงการให้ การรับ หรือการกระทำเพื่อผู้อื่น)
- She gave her friend a gift.
- They sent us an email.
- ส่วนเติมเต็มประธาน (Subject Complement): คำนามที่ตามหลัง Linking Verb (เช่น is, am, are, was, were, become, seem) เพื่ออธิบายหรือระบุประธาน
- She is a teacher.
- He became the president.
- ส่วนเติมเต็มกรรม (Object Complement): คำนามที่ตามหลังกรรมตรง เพื่ออธิบายหรือระบุคุณสมบัติของกรรมตรงนั้น (มักใช้กับกริยาเช่น make, call, elect, consider)
- They elected him president.
- We consider her a good leader.
- กรรมของบุพบท (Object of a Preposition): คำนามหรือสรรพนามที่ตามหลังคำบุพบท (Preposition)
- The book is on the table.
- They went to the park with their friends.
- Appositive (คำนามที่ขยายคำนามอื่น): คำนามหรือวลีที่วางไว้ข้างหลังคำนามอีกคำหนึ่ง เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือระบุคำนามนั้น
- My sister, Lisa, is a doctor.
- Bangkok, the capital of Thailand, is a busy city.
หน้าที่หลักของคำนาม (Main Functions of Nouns):
- ใช้เรียกชื่อ: คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ แนวคิด หรือเหตุการณ์
- John, cat, table, Bangkok, happiness, graduation
- ทำหน้าที่เป็นส่วนต่างๆ ของประโยค: ประธาน, กรรม, ส่วนเติมเต็ม, กรรมของบุพบท, คำขยาย (ในรูป possessive nouns)
ประเภทของคำนาม (Types of Nouns):
- Common Nouns (คำนามทั่วไป): ใช้เรียกชื่อทั่วไป ไม่ได้เจาะจง
- dog, city, book, teacher
- Proper Nouns (คำนามเฉพาะ): ใช้เรียกชื่อเฉพาะ เจาะจง มักขึ้นต้นด้วยตัวพิมพ์ใหญ่
- Fido, Bangkok, The Lord of the Rings, Mr. Smith
- Countable Nouns (คำนามนับได้): สามารถนับเป็นหน่วยได้ มีรูปเอกพจน์และพหูพจน์
- one book, two books; a student, many students
- Uncountable Nouns (คำนามนับไม่ได้): ไม่สามารถนับเป็นหน่วยได้ มักใช้ในรูปเอกพจน์เสมอ
- water, air, information, advice
- Collective Nouns (คำนามหมู่): ใช้เรียกกลุ่มของคนหรือสิ่งของ
- team, family, committee, crowd
- Abstract Nouns (คำนามนามธรรม): ใช้เรียกสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เป็นแนวคิด คุณภาพ หรือสภาวะ
- happiness, freedom, justice, anger
- Concrete Nouns (คำนามรูปธรรม): ใช้เรียกสิ่งที่จับต้องได้ สัมผัสได้
- table, flower, car, music
สรุปประเด็นสำคัญเกี่ยวกับคำนาม:
- ตำแหน่ง: ปรากฏในหลายตำแหน่งในประโยค ทำหน้าที่ต่างๆ กัน
- หน้าที่: ใช้เรียกชื่อและทำหน้าที่เป็นส่วนประกอบต่างๆ ของประโยค
- ประเภท: มีหลายประเภท แต่ละประเภทมีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน